Acne
สิวนับเป็นปัญหากวนใจใครหลายๆคน นอกจากจะทำให้ใบหน้าดูไม่เรียบเนียนแล้ว หลังจากสิวหาย อาจทิ้งรอยดำรอยแดง หรือหลุมสิวไว้อีกด้วย
สาเหตุ
สิวเกิดได้จากหลายสาเหตุ ได้แก่
- ต่อมไขมันผลิตไขมันออกมากกว่าปกติ ส่งผลให้เกิดอาการหน้ามัน ซึ่งสาหตุที่ต่อมไขมันผลิตไขมันออกมามากกว่าปกติ มักเกิดจากการที่ฮอร์โมนเพศเพิ่มสูงขึ้น เช่น ในวัยรุ่น หรือผู้ที่มีปัญหาถุงน้ำในรังไข่ เป็นต้น เมื่อต่อมไขมันผลิตไขมันออกมามาก ต่อมไขมันจะมีขนาดใหญ่ และเพิ่มความเสี่ยงต่อการอุดตันของต่อมไขมันได้
- เชื้อที่เป็นสาเหตุของการเกิดสิว ที่มีชื่อว่า P.acne มีจำนวนเพิ่มสูงขึ้น ส่งผลให้มีโอกาสเกิดสิวอักเสบมากขึ้น
- พฤติกรรมที่เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดสิว เช่น การนอนดึก ความเครียด การใช้สารเคมีหรือผลิตภัณฑ์บางอย่าง การขัดถูใบหน้าแรงๆ หรือการเผชิญมลภาวะ เป็นต้น
การรักษา แบ่งเป็น
1. ยาทา
แนะนำให้ผู้ที่เป็นสิวทุกคนใช้ และควรทาอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งตัวยาจะมี 3 กลุ่ม โดยแพทย์จะปรับเพิ่มลดยาให้เหมาะกับปัญหาของแต่ละคน
- ยาฆ่าเชื้อ ได้แก่ Clindamycin ช่วยฆ่าเชื้อ P.acne
- Benzoyl peroxide หรือ BP ช่วยลดปริมาณ P.acne ลดการอุดตันและลดอาการอักเสบของสิว
- ยากลุ่มวิตามินเอ มักให้ทาก่อนนอน ช่วยลดความมันบนใบหน้า ลดการอุดตันของสิว และในระยะยาว ช่วยลดการเกิดสิวใหม่ด้วย
2. ยารับประทาน มี 2 กลุ่ม
-
กลุ่มยาปฏิชีวนะ ได้แก่ Doxycycline ช่วยฆ่าเชื้อ P.acne และลดอาการอักเสบได้
-
ยากลุ่มวิตามินเอ เหมาะกับผู้ที่มีสิวอักเสบรุนแรง แต่ควรใช้ภายใต้คำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด เนื่องจากมีผลต่อการตั้งครรภ์ การทำงานของตับและปริมาณไขมันในกระแสเลือด แนะนำให้ผู้ที่รับประทานต่อเนื่องเจาะเลือดเช็คสุขภาพเป็นประจำ
3. Treatment
-
Sensipeel ช่วยในการผลัดเซลล์ผิว ลดความมันบนใบหน้า ช่วยให้สิวแห้งเร็วขึ้น และลดรอยดำจากสิวได้
-
Detox ช่วยลดสิวเสี้ยนและสิวอุดตัน
4. เลเซอร์
-
เลเซอร์ในบางความยาวคลื่น มีความสามาถในการลดอาการอักเสบของสิว ลดปริมาณเชื้อ P.acne และลดรอยแดงได้ เช่น Spectra gold หรือ IPL ในบางความยาวคลื่น เป็นต้น