เตรียมเป็นเจ้าสาว สวยทันงานแต่ง
เมื่อรู้ว่าจะมีวันสำคัญ
ทันทีที่รู้ว่า วันสำคัญของเราจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ ก็เริ่มเตรียมสวยกันได้เลยค่ะ
สิ่งที่ควรทำ
- สำรวจตัวเอง ว่ามีอะไรที่อยากจะแก้ไข ปรับปรุง เช่น เรื่อง สิว ฝ้า กระ รอบหลุมสิว น้ำหนักเกิน ความหย่อนคล้อย เพราะทุกอย่างต้องใช้เวลานะคะ เราไม่สามารถดีดนิ้วแล้วสวยได้เลย อะไรที่เรารู้สึกว่าเป็นปัญหา เริ่มพบแพทย์แล้วรักษาได้เลยค่ะ ยิ่งรักษาแต่เนิ่นๆ ผลการรักษายิ่งดีค่ะ
- สำหรับใครที่อยากจะทำศัลยกรรม หาข้อมูล ปรึกษาแพทย์ไว้แต่เนิ่นๆเลยค่ะ เพื่อให้แผลเข้าที่ก่อนถึงวันงาน โดยส่วนใหญ่แผลผ่าตัดต่างๆ จะเข้าที่ดีใช้เวลาประมาณ 3-6 เดือนค่ะ
6 เดือนก่อนวันงาน
หลังจากเริ่มสำรวจตัวเองว่ามีอะไรที่อยากจะแก้ไขปรับปรุงแล้ว สิ่งที่จะทำให้เราสวยยิ่งๆ ขึ้นไปอีกก็เริ่มได้เลยค่ะ
สิ่งที่ควรทำ
- แก้ไขเรื่องความหย่อนคล้อย เพิ่มความตึงให้ใบหน้า นอกจากการผ่าตัดดึงหน้า เราสามารถใช้เลเซอร์กลุ่มยกกระชับได้ค่ะ เครื่องที่ได้รับ US FDA Approve เรื่องการยกกระชับมี 2 ตัวค่ะ คือ Thermage (ใช้คลื่นวิทยุ) กับ Ulthera (ใช้คลื่นเสียง) ซึ่งทั้ง 2 ตัว การเห็นผลสูงสุดอยู่ที่ 6 เดือนค่ะ โดยที่ Thermage เริ่มเห็นผลทันทีหลังการรักษาประมาณ 20-30% และค่อยๆ ยกกระชับมากขึ้นจนสูงสุดที่ 6 เดือนค่ะ หากใครมีเวลาน้อยกว่านี้สามารถทำได้เช่นกัน แต่ควรเผื่อเวลาอย่างน้อย 1 เดือนค่ะเพราะหลังทำในบางคนอาจมีรอยแดงหรือตุ่มน้ำเล็กๆ ได้ (เผื่อเวลาหายด้วยนะคะ)
Ulthera หลังทำทันทีจะบวมก่อนประมาณ 2 สัปดาห์ (เป็นปกตินะคะ เนื่องจากเราต้องการผลจากการอักเสบเพื่อสร้างคอลลาเจนค่ะ) หลังจากนั้นจะเริ่มยุบบวม และเริ่มเห็นผลตอนทำ 1 เดือนไปแล้ว และเห็นผลสูงสุดที่ 6 เดือนค่ะ ดังนั้นหากไม่มีเวลาและต้องการทำจริงๆ ขออย่างน้อย 1 เดือนก่อนงานนะคะ ไม่งั้นหน้าบวมน้า
เครื่องเลเซอร์กลุ่มยกกระชับตัวอื่นๆ เช่น RF HIFU ต้องอาศัยการทำซ้ำหลายครั้ง ดังนั้นขอแนะนำให้เริ่มตั้งแต่เนิ่นๆเช่นกันค่ะ เราจะได้มีเวลายกกระชับขั้นสูงสุดกันนะคะ - แก้ไขจุดด่างดำ รอยสิว ฝ้า กระ
จุดด่างดำต่างๆ สามารถจางลงได้ด้วยการทายา และ ทำเลเซอร์ ซึ่งทั้ง 2 วิธีต้องอาศัยการรักษาอย่างสม่ำเสมอและใช้เวลา อาจต้องทำหลายครั้ง ดังนั้นเริ่มให้เร็วที่สุดที่จะเริ่มได้ ดีที่สุดค่ะ - ลดน้ำหนัก กระชับสัดส่วน
กรุงโรมไม่ได้สร้างขึ้นในวันเดียวฉันใด น้ำหนักที่เราสะสมมาตลอด ก็ไม่สามารถลดลงได้ภายใน 1-2 วันฉันนั้นค่ะ การลดน้ำหนักที่ได้ผลดีและยั่งยืนคือการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกินของเราค่ะ ทั้งการคำนวณแคลอรี่, ketogenic diet, low carbohydrates diet, low fat diet, maditeranion diet, plant base diet เหล่านี้มีการวิจัยว่าให้ผลในการลดน้ำหนักทั้งนั้น แต่สิ่งสำคัญคือ เราควรเลือกวิธีที่สามารถทำได้ยั่งยืนไม่ฝืนตัวเองจนเกินไปค่ะ เพราะถึงแม้น้ำหนักจะลงแล้ว แต่ถ้าเรากลับไปกินแบบเดิมน้ำหนักก็ขึ้นเหมือนเดิมนะคะ อีกอย่างที่จะช่วยให้การลดน้ำหนักเป็นไปอย่างถาวร คือการออกกำลังกาย ให้ร่างกายมีกล้ามเนื้อเพิ่มช่วยในการเผาผลาญค่ะ ส่วนการใช้เครื่องมือช่วยในการกระชับสัดส่วนนั้น เครื่องมือทุกตัวต้องใช้เวลาในการลดสัดส่วนทั้งสิ้น และหลายตัวจะต้องทำหลายครั้ง ดังนั้นเริ่มเร็วเพื่อผลทีดีที่สุดดีกว่าค่ะ - กำจัดขน ถ้าหากว่ามีขนบริเวณไหนที่กวนใจเรา เช่น บางคนมีขนบริเวณหนวดค่อนข้างหนา หรือขนที่ข้อนิ้วเยอะ และอยากจะกำจัดมันไป เลเซอร์กำจัดขนก็เป็นคำตอบที่ดีและได้ผลค่อนข้างถาวรค่ะ แต่ทำไมต้องรีบทำ ก็เพราะว่าการทำเลเซอร์กำจัดขนนั้นต้องทำซ้ำอย่างน้อย 5-6 ครั้งขึ้นไปค่ะ และในแต่ละครั้งก็ควรห่างกัน 1 เดือน จึงเป็นที่มาของการเริ่มทำเลเซอร์กำจัดขนก่อนวันงาน อย่างน้อย 6 เดือนค่ะ
- บำรุงผิว ทั้งการทำทรีตเม้นท์, การใช้skin care รวมไปถึงการกินวิตามินบำรุงเหล่านี้เหมือนการเก็บสะสมค่ะ ยิ่งเริ่มเร็วก็จะได้ผลที่ดีขึ้นไป นอกจากนั้น หากต้องการลอง skin care ตัวใหม่ๆ ก็ควรเริ่มเร็ว เพื่อที่จะเผื่อเวลารักษาหากมีอาการแพ้เกิดขึ้นค่ะ หรือ หากใช้แล้วไม่ชอบก็จะได้มีเวลาลองตัวใหม่ต่อไปค่ะ
สิ่งที่ทำได้
ลองฉีด ทั้งการฉีดเพื่อลดริ้วรอย, ปรับรูปหน้า, lifting กรอบหน้า สาเหตุที่หมอจัดการฉีดสารชนิดนี้อยู่ในกลุ่มสิ่งที่ทำได้แต่ยังไม่ใช่สิ่งที่ควรทำตั้งแต่ก่อนวันงาน 6 เดือนนี้ เพราะตัวยาจะมีฤทธิ์ได้นานสูงสุด 6 เดือนค่ะ หลังจากนั้นริ้วรอยก็จะกลับมา ถ้าฉีดตั้งแต่ตอนนี้ ถึงวันงานก็หมดฤทธิ์พอดี แต่หากเป็นคนที่ยังไม่เคยฉีดมาก่อน ช่วงนี้เป็นช่วงที่เหมาะที่จะลองฉีดครั้งแรกค่ะ เพื่อจะดูว่าชอบหรือไม่ และเทคนิคที่คุณหมอฉีดเราชอบรึเปล่าค่ะ
3 เดือนก่อนวันงาน
สิ่งที่ควรทำ
การฉีดปรับรูปหน้า ในคนที่มีกรามใหญ่และเกิดจากกล้ามเนื้อ หากต้องการปรับรูปหน้า ช่วงนี้เป็นช่วงเวลาที่ดีที่จะฉีดกรามปรับรูปหน้าค่ะ เนื่องจากระยะเวลาที่จะเห็นผลสูงสุดในการฉีดกรามใช้เวลาประมาณ 1 เดือนค่ะ และผลจะยังคงอยู่ไปอีก 4-6 เดือนเลยค่ะ แล้วทำไมหมอถึงไม่ได้แนะนำให้ฉีดตอน 1 เดือนก่อนวันงาน นั่นเป็นเพราะว่ากล้ามเนื้อบริเวณกรามของแต่ละคนมีขนาดไม่เท่ากันค่ะ ในบางคนที่มีขนาดใหญ่มากๆ หลังจาก 1 เดือนหากยังมีกล้ามขนาดใหญ่อยู่ก็จะสามารถฉีดซ้ำได้ค่ะ
สิ่งที่ทำได้
ทุกข้อของสิ่งที่ควรทำตอน 6 เดือนก่อนวันงาน หากยังไม่ได้เริ่มทำ ทำตอนนี้ก็ยังไม่สายค่ะ เพียงแค่ผลลัพธ์อาจจะไม่ได้ดีเท่าเริ่มตั้งแต่ 6 เดือนก่อนวันงาน แต่ก็ยังดีกว่าไม่ได้ทำเลยนะคะ
สิ่งที่ไม่ควรทำ
1. ศัลยกรรมบริเวณใบหน้า ในกรณีที่ทำเพื่อความสวยงามนะคะ (แต่หากเพื่อการรักษา เช่น พบก้อนผิดปกติ ก็ต้องทำนะคะ) สาเหตุที่หมอไม่แนะนำให้ทำศัลยกรรมในช่วงนี้เพราะแผลจะหายไม่ทันค่ะ โดยเฉพาะคนที่เกิดแผลเป็นได้ง่ายหากมีแผลเป็นขึ้นมาจะรักษาแผลเป็นไม่ทัน แทนที่จะสวยรับวันงาน กลับมีแผลเป็นที่หน้าแทน
2. ทดลองใช้ skin care ใหม่ๆ ใจแข็งไว้นะคะ แม้จะอยากลองแค่ไหนหมออยากให้หยุดไว้ก่อนค่ะ เนื่องจากการใช้ skin care ตัวใหม่ๆ มีโอกาสแพ้ได้ค่ะ และหากแพ้ขึ้นมาระยะเวลาเพียง 1 เดือนอาจรักษาได้ไม่ทัน ได้ไม่คุ้มเสียนะคะ
1 เดือนก่อนวันงาน
สิ่งที่ควรทำ
การฉีดลดริ้วรอย ทั้งรอยตีนกา รอยย่นหน้าผาก ขมวดคิ้ว bunny line เหล่านี้ควรฉีดในช่วง 1 เดือนก่อนวันงานค่ะ จริงๆแล้วการฉีดเพื่อลดริ้วรอยจะเห็นผลสูงสุดหลังฉีด 2 สัปดาห์ แต่ที่หมอแนะนำให้ฉีด 1 เดือนก่อนวันงานเนื่องจากช่วง 2 สัปดาห์หลังฉีดจะตึงมากๆ เลยค่ะ บางคนอาจจะไม่ชินโดยเฉพาะคนที่ไม่เคยฉีดมาก่อน อาจจะดูยิ้มแข็งๆ ไปบ้างในช่วงนี้ พอผ่านช่วงนี้ไประยะเวลาที่กำลังขยับได้ดูเป็นธรรมชาติและไม่มีริ้วรอย (กำลังสวยพอดี) ก็คือช่วง 1 เดือนหลังฉีดค่ะ นอกจากนี้หากต้องการเพิ่มความตึง หรือปรับระดับคิ้ว ก็ยังสามารถทำได้หลังจากฉีดไป 2 สัปดาห์ค่ะ
สิ่งที่ทำได้
- การฉีดปรับรูปหน้า หากไม่ได้ทำตั้งแต่ช่วง 3 เดือนก่อนวันงาน ช่วงนี้ก็ยังทำได้นะคะเพราะการฉีดลดกล้ามเนื้อกรามก็ยังเห็นผลทันวันงานพอดีค่ะ
- เทคนิคนี้ไม่ใช่เพื่อการลดริ้วรอยนะคะ แต่เป็นการฉีดในชั้นผิวหนังเพื่อให้ใบหน้ายกกระชับขึ้น ข้อดีคือเป็นการสวยด่วน สามารถเห็นผลได้ทันทีตั้งแต่หลังฉีดเลยค่ะ แต่ข้อเสียคือ ฤทธิ์อยู่ได้ไม่นาน ประมาณ 1-3 เดือน ดังนั้นหากคิดว่าไม่มีเวลาหาหมออีกแล้วหลังจากนี้ก็สามารถฉีดไปพร้อมๆ กับการฉีดลดริ้วรอยได้ค่ะ แต่ถ้าสามารถมาพบหมอได้อีกฉีดหลังจากนี้จะให้ผลที่ดีกว่าในวันงานค่ะ
- รักษาจุดด่างดำ รอยสิว ฝ้า กระ เริ่มช่วงนี้อาจจะช้าไปซักนิด แต่ยังไม่สายเกินไปค่ะ อาจจะไม่ถึงกับหายหมดจด แต่อย่างน้อยก็จางลงนะคะ
- บำรุงผิว ทั้งโดยการใช้ skin care และการทำทรีตเม้นท์ต่างๆ ที่เคยทำมา ในช่วงนี้ยังทำต่อเนื่องได้อยู่นะคะ
2 สัปดาห์ก่อนวันงาน
ใกล้วันงานเข้ามาทุกทีแล้วนะคะ ช่วงนี้เป็นโค้งสุดท้ายที่หมอจะแนะนำให้มีเข็มจิ้มหน้าได้แล้วค่ะ เพราะทุกๆครั้งที่เข็มจิ้มเนื้อเราจะมีโอกาสเกิดรอยช้ำขึ้นได้นะคะ และรอยช้ำใดๆ จะใช้เวลาหายประมาณ 2 สัปดาห์ค่ะ เพื่อให้หน้าเราไม่มีรอยช้ำ ช่วงหลังจากนี้งดหัตถการที่มีเข็มจิ้มหน้านะคะ
สิ่งที่ควรทำ
เพื่อให้ใบหน้าดูกระชับสวยเป๊ะในวันงาน อย่างที่บอกไปแล้วในสิ่งที่ทำได้ช่วง 1 เดือน การฉีดลดริ้วรอยเห็นผลทันทีที่ฉีด แต่อยู่ได้ไม่นาน ช่วงนี้จึงเป็นเวลาที่เหมาะให้เห็นผลสูงสุดในวันงานค่ะ
สิ่งที่ทำได้
1. การฉีดลดริ้วรอย ในคนที่เคยฉีดมาก่อนแล้ว และชอบความตึงในช่วง 2 สัปดาห์หลังฉีด ช่วงนี้ยังเป็นช่วงเวลาที่ฉีดได้อยู่นะคะ เพราะจะตึงเป๊ะพอดีวันงานเลยค่ะ
2. บำรุงผิว ทั้งโดยการใช้ skin care และการทำทรีตเม้นท์ต่างๆ ที่เคยทำมา ในช่วงนี้ก็ยังทำต่อเนื่องได้อยู่เช่นกันค่ะ
สิ่งที่ไม่ควรทำ
Ulthera เนื่องจากในช่วง 2 สัปดาห์แรกหลังทำ Ulthera หน้าจะบวมขึ้น ช่วงนี้จึงไม่ควรทำ Ulthera แล้วนะคะ รวมถึงกลุ่ม HIFU ทั้งหมดด้วยค่ะ ส่วนตัว Thermage แม้ว่าจะไม่ค่อยมีอาการบวม แต่ก็จะเห็นผลน้อยรวมถึงหลังทำอาจเกิดตุ่มน้ำได้ในบางคน จึงไม่แนะนำให้ทำในช่วงนี้ค่ะ หากต้องการยกกระชับหน้า อาจต้องเลือกการฉีดลดริ้วรอยแทนค่ะ
1 สัปดาห์ก่อนวันงาน
สิ่งที่ควรทำ
- ฝึกนอนเร็ว ตื่นเช้า หลายๆคนมีชีวิตประจำวันที่นอนดึก ควรจะเริ่มปรับให้นอนเร็วขึ้นเพื่อให้ร่างกายชินนะคะ เพราะโดยส่วนใหญ่งานพิธีจะเริ่มตั้งแต่เช้า และเจ้าสาวต้องตื่นมาแต่งหน้าทำผมก่อนนั้น หากพักผ่อนไม่พอ หน้าเราจะดูไม่สดใสเท่าที่ควร และหากไม่ปรับให้ร่างกายนอนเร็วขึ้นแต่เนิ่นๆพอถึงวันจริงมักนอนไม่หลับกันค่ะ
- ดื่มน้ำให้เพียงพอ รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ เพื่อให้ร่างกายแข็งแรงและผิวไม่ขาดน้ำ แต่งหน้าจะได้ติดดีนะคะ
- ทำใจให้สบาย พูดง่ายแต่ทำยาก เพราะยิ่งใกล้วันงานก็ยิ่งมีความตื่นเต้นและกังวล แต่หมออยากจะบอกว่าไม่ว่าอย่างไรทุกอย่างจะผ่านพ้นไปด้วยดีค่ะ เราทำใจให้สบายและมีความสุขกับวันสำคัญของเราดีกว่านะคะ
สิ่งที่ทำได้
ใช้ skin care ที่เคยใช้ตามปกติ เรายังบำรุงผิวอย่างต่อเนื่องกันได้อยู่ค่ะ แต่ทรีตเม้นต์ต่างๆ อยากให้พักก่อนนะคะ เพื่อลดโอกาสการกระตุ้นสิวค่ะ
สิ่งที่ไม่ควรทำ
- ทดลอง skin care หรือ อาหารเสริมใหม่ๆ หมอขอนะคะข้อนี้อย่างที่บอกมาตลอดว่าควรหยุดการลองตั้งแต่ 1 เดือน ช่วง 1 สัปดาห์นี้ ใกล้งานมากๆ เลยค่ะ หากแพ้ขึ้นมาจะเสียใจมากๆ นะคะ
- ทำเลเซอร์ และหัตถการทุกชนิดบนใบหน้า เพื่อลดโอกาสเกิดรอยช้ำ และรอยเลเซอร์บนใบหน้า แม้ว่าโดยปกติแล้วโอกาสเกิดรอยเลเซอร์จะมีน้อยมาก แต่หากเกิดขึ้นระยะเวลาเพียง 1 สัปดาห์จะรักษาให้หายไม่ทัน ดังนั้นตัดไฟแต่ต้นลมเลยดีกว่าค่ะ
สุดท้ายนี้ สิ่งที่หมอบอกมา เป็นเพียงแนวทางคร่าวๆ ในการเตรียมตัวเท่านั้นค่ะ ไม่จำเป็นที่จะต้องทำหมดทุกอย่าง สามารถปรับใช้ให้เข้ากับบริบทของแต่ละคนนะคะ ปรึกษาแพทย์ผิวหนังของคุณแต่เนิ่นๆ เพื่อผลการรักษาที่เหมาะสมและดีที่สุดสำหรับคุณค่ะ ขอให้มีความสุขในวันสำคัญของทุกคนนะคะ
บทความโดย พญ.วรภา ลีลาพฤทธิ์
จากเพจ ตาสวย หน้าใส ไปกับหมอเนตร